วันนี้ (19 มกราคม 2555) ว่าจะไม่เขียน บันทึก เพราะรู้ด้วยปํญญาญาน ว่าเพื่อนเพื่อนจะเริ่มเบื่อหน่าย ว่าเขียนทำไมนักหนา แต่การเขียนหนังสือก่อนนอนมันเป็นอาชีพเสียแล้ว เพื่อนเอ๋ย ถ้าไม่เขียนเรื่องกิจกรรมที่เจอมา ก็มักเขียนเรื่องท่องเที่ยว เรื่องธรรมะบ้าง เรื่องมนุษย์ต่างดาวบ้าง เรื่องมหัศจรรย์ของสิ่งที่ได้พบเจอ ถ้ากระนั้น ก็ทนอ่านไปก่อน หรือไม่ก็เปิดผ่านไปซะ
เข้าเรื่องเรียนดีกว่า วันนี้สจว 110 ช่วงเช้าได้รับความรู้จาก อาจาร์ยธีรพงษ์ สุวรรณโณ บรรยายเรื่อง จิตวิทยากับการสร้างความเข็มแข็งของสังคมไทย ท่านมีความรู้เรื่องจิตวิทยาดีมาก บรรยายเกี่ยวกับจิตวิทยาไว้ได้ชัดแจ้ง สิ่งที่มีอิทธิพลสูงต่อเรามากคือ เราเชื่อว่าอย่างไร บางความเชื่อเป็นจริงและบางความเชื่อไม่เป็นจริง แต่เราก็จะเลือกสิ่งที่เราเชื่อ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะจริง หรือไม่จริง
จากความเชื่อ สู่ความคาดหวัง สร้างความจริง อันนี้เป็นจริง ผู้เขียนประสพกับตนเอง ถ้าคุณเชื่อว่า และคาดหวัง สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง
ช่วงบ่าย แต่ละกลุ่มแยกกันระดมสมอง เพื่อทำแผนงานปฏิบัติการจิตวิทยาที่รังสิต สำหรับกลุ่มผู้เขียน เป็นเรื่องชุมชน เนื่องจากพวกเรามีภาระหน้าที่กันมาก จึงทำให้ต้องนั่งรอเพื่อนที่จะเข้ามาระดมสมอง เป็นชั่วโมง และเมื่อเพื่อนๆ เริ่มทยอยเข้ามา ก็เริ่มการระดมสมอง
การประชุมกับผู้คนที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน วิธีการคิด การถ่ายทอดความคิดต่างกัน ดูวุ่นวายสับสนน่าดู และค่อนข้างเครียด กว่าจะได้แต่ละหัวข้อ ทำให้นึกถึง
ท่านวชิระเมธี ท่านกล่าวว่า สัมมาทิฐิ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า "right view" แปลว่ามีความเห็นชอบ
ส่วนท่าน ติช นัท ฮันห์ ใช้คำว่า "right understanding" แปลว่า มีความเข้าใจถูกต้อง นั้นคือเราจะทำสิ่งอะไร เราต้องรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เราทำเพื่ออะไร และ ต้องรู้จักตัวเองอย่างดีที่สุด จากนั้นก็ควรรู้ "สิ่ง"ที่เรากำลังทำ กำลังเข้าไปเกี่ยวข้อง มีความสำคัญอย่างไร เพราะเมื่อรู้ถูกต้อง ก็ทำถูกต้อง
ท่านวชิรเมธี กล่าวว่า โสเครตีสคือตัวอย่างของบุคคลที่เริ่มต้นทำทุกอย่างด้วย การ "สร้างสัมมาทิฎฐิ" ก่อนเสมอ โสเครติส จะเริ่มต้นด้วย"นิยาม" ความหมายของสิ่งที่ต้องการกล่าวถึง เพื่อไม่ให้การสนทนานั้นกลายเป็นเรื่องนอกประเด็น และต้องจับประเด็นให้ชัด ก็จะทำให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน ตรงประเด็น ตรงเรื่อง ตรงวัตถุประสงค์ ไม่เฉออกนอกเรื่อง นอกหน้าที่
ระหว่างประชุม มีอาจาร์ยเดินเข้าเดินออก หลายท่าน สีหน้าอาจาร์ยแต่ละท่านเรียบเฉย เดาไม่ออกว่าท่านคิดอย่างไร (ทำไมถึงอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร) พวกเราเองบางท่านยังสับสน กับนิยามศัพท์ที่ อาจาร์ยสอน เจนคติ ความล่อแหลมของเป้าหมาย ความอ่อนไหวของเป้าหมาย ประสิทธิภาพของเป้าหมาย และอีกหลายคำนิยาม แต่ก็สนุกดี เราระดมสมองกันจนเย็น บอกได้คำเดียวว่า "การฟังและยอมรับความคิดเห็นผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีในกลุ่มประชุม" บางหัวข้อก็ถกแถลงกันนานมาก บางหัวข้อก็ถกไปนอกประเด็น ซะงั้น ข้อน่าสังเกตุ คือต้องให้เกียตริในความคิดของแต่ละบุคคล บรรยากาศการประชุมก็สำคัญ การประชุมของภาคเอกชน จะต่างจากทหารโดยสิ้นเชิง การแสดงความเห็น การให้ข้อสังเกต และการเลือกหัวข้อสำคัญ การตัดสินใจ จะเป็นอิสระมากกว่า
สำหรับวันนี้ก็ได้แอบเห็นท่าที่ ของแต่ละท่าน เครียด และเริ่มมีอาการเบื่อหน่าย เป็นประสพการณ์อีกรูปแบบหนึ่ง ได้เห็นท่าที่ของผู้ที่แสดงตนว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาดี จะบอกว่าเป็นการประชุมที่หาข้อยุติได้ยากมากทีเดียว
วันพรุ่งนี้คงเห็นการแบ่งงานกันทำชัดเจน ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร แต่ละกิจกรรมมีเหตุผลอย่างไร ทำไมต้องทำ และกิจกรรมใดเป้นปจว กิจกรรมใดเป็นกิจกรรมเสริมเพื่อ สร้างแรงขับเคลื่อนในการปจว ใครต้องรับผิดชอบงานใดคงชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อนทุกคนพร้อมทำงาน ลุยกันเถอะ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แวะเยี่ยมติชมทักทายกันบ้าง