วันนี้...... วันแข่งกีฬาระหว่างวสท 53 กับ สจว 110

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (25 มกราคม 2555 ) วันนี้ พวกเราใส่เสื้อสีส้มสดใส ครุมด้วยเสื้อสูทสีดำ เตียมพร้อมแข่งกีฬากับวสท. ชื่อเต็มวิทยาลัยเสนาธิการทหาร ซึ่งมีตึกเรียนใกล้ใกล้ กับเรา เป็นการแข่งขันเชื่อมสัมพันธ์ไมตรี อันเนื่องมาจากเราเรียนอยู่รั้วเดียวกัน คือสถาบันวิชาป้องกันประเทศ บก,กองทัพไทย


ช่วงเช้า เรียนวิชา สงครามการเมือง ผู้สอนคือ พันเอก ดร.ธีระนันท์ นันทขว้าง  น่าสนใจเพราะประเทศเราเกิดความขัดแย้งกันมานานเกินไปแล้ว อาจาร์ยวิเคราะห์ในเรื่องของเหตุการณ์ได้เยี่ยมมาก ผู้เขียนสนใจคำว่า Political Marketing ซึ่งจริงจริงแล้ว นักการเมืองใช้มานานแล้วแต่ยังไม่เป็นมืออาชีพ  เพิ่งจะปรับเปลียนรูปแบบ ตามที่ผู้เขียนสังเกตุ คือแผนโฆษณารณรงค์หาเสียงของ ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีรอบแรก วางแผนทั้งแผ่นพับใบปลิว การนำเสนอสื่อ การทำกิจกรรมสอดคล้องรับกันมาก สังเกตุเห็นว่ามือวางแผนน่าจะเป็นทีมการตลาดของ ais สมัยนั้น lock specais มาเลยไม่ว่าไซค์ของสื่อ เช่นป้ายบิวบอร์ด และจุดติดตั้ง ปลดป้าย aisลง และติดป้ายหาเสียงแทน

ช่วงบ่าย มีการแข่งกีฬา แต่ฝนตกเสียก่อน พวกเรารออยู่นาน จึงเปลี่ยนแผนมาเล่นในห้องยิมก่อน คือกีฬาแบดมินตัน และ ปิงปอง สจว 110 มีเชียร์รีดเดอร์สาวสวย หนุ่มหล่อมากมายมาร้องเพลงเชียร์ กันสนุกสนาน หลังจากนั้นทำพีธีเปิด สจว 110 ก็เตรียมตัวเดินพาเหรดสวยงาม มีชุดคลีโอพัตรา กับโรมิโอ เสียดายฝนตกต้องเดินในห้องยิม รุจใส่ชุดโรมิโอ โชว์พุง ส่วนโจแต่งสาวเป็นคลีโอพัตรา สปิริตแรงมาก ตั๊กแตนใส่ชุดจีนสวยมาก อลังการงานสร้างจริงจริง สจว110

ฝนหายพวกเราลงไปแข่งฟุตบอล ผลัดกันยิงประตู แต่คนพากข์ของเราสิ น้องเบิ้ล พากษ์ได้มันและสนุกทำเอาหนุ่มวสท เกือบยอมแพ้ แต่แล้วก็มี เฮงแต้พานิช เข้ามาปราบเซียน ใช้ความเชื่องช้าสยบความรวดเร็ว ทำเอาน้องเบิ้ลของเราช้าลงได้สักประเดี๋ยวเดียว ชีคิดได้ว่าเป็นกลลวงก็เริ่มพากษ์ใหม่ด้วยความมันส์ พวกเราเล่นกันเต็มที่ พักครึ่งแรก บางคนมาเล่าให้ฟังว่า พี่ผมวิ่งไม่ถึงลูกบอลซักที เหนื่อยไปตามตามกัน จะเอาแรงที่ไหนมาเตะละ เมื่อคืนก็ดึก แถมเมื่อเช้ายังถกแถลงหน้าดำแดงด้วย

ระหว่างพักแข่งชักกะเย่อ ด้านวสท.ผู้ชายล้วนล้วน ด้านสจว 110 ผู้ชายปนหญิง ให้มีผู้หญิง 5 คน จะไหวหรือนี่ ผู้เขียนก็ลงแข่งกับเขาด้วย รู้สึกถึงแรงกระชากตัวจะปลิว สุดท้ายก็ล้ม กลัวเพื่อนจะแพ้รีบลุกขึ้นมา ครั้งนี้เราแพ้ ครั้งที่สองตั้งใจใหม่ ชนะแฮะ (สงสัยเขาอ่อย) ตัดสินด้วยครั้งที่สาม พอเสียงนกหวีดดังปี๊ด ตัวก็ลอยแล้ว แพ้แน่นอน

การแข่งขันมีอีกหลายอย่าง การโยนไข่ การโยนแตงโม สจว 110 โยน 3 ลูก แตกหมดทุกลูก แพ้อีกแล้ว สำหรับฟุตบอลสูสี โจทำประตูได้สวยงาม อาจาร์ยอ้ายเป็นโกที่มีสปิริตจริงจริง แค่ยืนก็เกือบบังประตูแล้ว ครึ่งหลังอาจาร์ยอ้ายป้องกันประตูสุดฤทธิ์ ทำให้ล้มท่าทางจะเจ็บ ถามหมอมนัสว่าเป็นอย่างไร หมอบอกว่าขับรถกลับบ้านได้วันนี้ แต่พรุ่งนี้ไม่รับประกันความปวด

หลังจากแข่งขันเรามีงานเลี้ยงร่วมกัน ทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น พรุ่งนี้เราอาจจะเห็นวสท มาทานกาแฟตึกเราบ้างละ แต่ละฝ่ายเตรียมการแสดงมา เริ่มด้วย วสท ทุกคนประทับใจมากกับการแสดง โดยเฉพาะระนาดเอกของ ขุนอินทร์ ใส่แว่นดำออกมาตีระนาด เสื้อดำ เสียงระนาดเพราะมาก มืออาชีพจริงจริง       อาจาร์ยมนัส ของเรา  พันเอกมนัส ท่านเป็นผู้อำนวยการกองการศึกษา    และกำลังเรียนวสท รุ่น 53       เล่นระนาดได้เพราะจริงจริง ตอนเย็นก็ลงไปเตะฟุตบอลกับทีมด้วย ผู้เขียนรู้สึกว่าทหารส่วนใหญ่จะมีภาวะผู้นำสูง ไม่ว่าจะทำอะไรต้องมีส่วนร่วมทุกอย่าง

ดูการแสดงของวสท แล้วประทับใจเสียงระนาด การร้องเพลง การรำ อดคิดไม่ได้ว่าจะสู้เขาได้ไหมเนี่ย เมื่อถึงเวลา สจว 110 แสดงกลับน่ารักสดชื่น เพื่อนทุกคนตั้งใจแสดงอย่างดีในชุด รำอาเซียน เพียงถือธงออกมาก็น่ารัก นกยูงรำได้สวยน่ารัก อิ๋ง หนูแหม่ม พี่รัด สวยทุกคนและชุดที่ใส่ออกมาแต่ละชาติสวยงามมาก หนูปอของเรามาในชุดคล้ายกี่เพ้าแบบสิงค์โปร์น่ารักมาก อ้นก็สวย อุ๊ยสาวพม่าน่ารัก ส่วนผู้ชายก็น่ารัก พี่แดงเต้นได้ไงสวยดี เป็นภาพความประทับใจจริงจริง เบื้องหลังการแสดง อิ่ง อาจาร์ยแอ๋ว ซ้อมเต้นกันเต็มที่

วันนี้ทุกคนสนุกสนาน พรุ่งนี้เราต้องลงเตรียมงานที่รังสิตกันอีก แทบไม่ได้หายใจ วันนี้เล่าอย่างเดียวจริงจริง แค่เล่าเรื่องก็ยาวมากแล้ว

เมื่อมีความทุกข์ต้องรู้ว่าทุกข์อย่างไร ทนกับทุกข์นั่นได้

และเมื่อมีความสุขอย่าหลงติดว่าความสุขนั้นจะอยู่กับเรานาน

วันนี้.......วันแรกของการแถลงผลการรณรงค์ ที่รังสิต

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (20 มกราคม 2555)  หวังว่าคงมี ใครบางคนรออ่านอยู่ วันนี้จะเขียนเรื่องอะไรดีน้า  เพื่อนบางคนอาจจะมาเรียน แต่ไม่ได้สังเกตุ ความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของสิ่งรอบข้าง ผู้เขียนเป็นผู้ที่ชอบสังเกตุ ชอบดูความเปลี่ยนแปลงของกลุ่ม  เห็นบางเรื่องน่ารัก น่าจดจำ บางเรื่องเป็นประสพการณ์ชีวิต บางเรื่องเขียน
ออกมาไม่ได้   ก็เลยเขียนบันทึกไว้อ่านเตือนความจำ

ช่วงเช้าพวกเราเรียน จิตวิทยามวลชนกับการแก้ปัญหาความไม่สงบ เริ่มต้นด้วย ความขัดแย้งเกิดจากอะไร เกิดจาก ค่านิยมที่ต่างกัน การเปลี่ยนแปลงทางสังคม วัฒนธรรมที่ต่างกัน อุดมการณ์ที่ต่างกัน สังคมที่ต่างเผ่าต่างเชื้อชาติ ความตื่นตัวทางสังคม และอะไร อะไรอีกหลายอย่าง และเราต้องทำอย่างไรเพื่อหาข้อยุติ ความขัดแย้ง มีประเด็นจ่อหัวที่น่าสนใจว่า

"หากสามารถควบคุมจิตใจ หรือพฤติกรรมของคนได้ก็จะสามารถควบคุมได้ทั้งโลก" แล้วเราจะควบคุมจิตใจ และพฤติกรรมของคนได้อย่างไร  รู้สึกว่ายาก แล้วข้อขัดแย้งของสจว 110 เวลาเราประชุมกลุ่มเราจะยุติได้อย่างไรหว่า แต่ที่ผ่านมาแอบสังเกตุเห็นข้อขัดแย้งยุติตามธรรมชาติ คือ ด้วยเหตุและผลในตัวของมันเอง ผู้เขียนอยู่กลุ่มชุมชน เริ่มแรกเห็นข้อขัดแย้งบางอย่างในกลุ่ม แรกแรก ก็เหมือนกับจะหนักหน่วงเอาการ ต่างคนต่างหาเหตุสนับสนุนข้อคิดเห็นของตนเองเต็มที  แต่ช่วงหลังเริ่มสนับสนุนเหตุและผลในทิศทางเดียวกัน อันเนื่องมาจากนั้งประชุม มากกว่า 3 ชั่วโมง เริ่มเข้าใจประเด็นว่า พวกเรากำลังทำเรื่องเดียวกัน และเลือกเหตุและประเด็นที่ดีที่สุดและตรงที่สุด

ช่วงก่อนพักเบรค เกิดรู้สึกหิวน้ำเดินเข้าห้องเบรค ก็เจอความขัดแย้งโดยบังเอิญ ความขัดแย้งจากการแบ่งงาน หรือมอบหมายงาน อะไรสักอย่าง อยากจะบอกเพื่อนเพื่อนว่า ถ้าเราเหนื่อย ไม่ว่าจากเรื่องใด จากงาน จากความไม่สมหวังจากสิ่งที่เราคาดหวัง หรือจากที่เราต้องการให้เป็นเช่นนั้นแล้วไม่เป็น หรืออะไรอีกหลายหลายอย่าง ทำให้เราเหนื่อย หรือ ไม่สบอารมณ์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย  ลองพักดูก่อนไหม หรือลองทำใจให้มันเป็นเช่นนั้นเองก่อนดีไหม ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องยอดเยี่ยมมาก จนกดดันพวกเรามาก อย่าจดจำอารมณ์ที่ไม่ดีต่อกัน ลืมมันซะ แล้วลองทบทวนใหม่ เราอาจจะหัวเราะในท่าทีของแต่ละคน ผู้เขียนยังขำตัวเองไม่หายทุกคืน บางทีก็แอบยิ้มคนเดียวเวลานึกถึงท่าทีของตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป และขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อน เพื่อน เพราะบอกได้เลยว่า เพื่อนเป็นผู้ที่เอาจริงเอาจังกับงานที่ได้รับมอบหมายมาก มิตรภาพที่ดี และความรักที่เรามีให้ต่อกันยังมีอีกหลายกิจกรรม

วิชานี้แอบสังเกตุ เพื่อนช่วงเช้ารู้สึกเหนื่อยจากเมื่อวาน ตัวรับค่อนข้างขาดประสิทธิภาพ อาจาร์ยก็สอนแต่ทฤษฎี ทั้งแบบนำเสนอก็เป็นตัวหนังสือล้วน ช่วงเบรค ลองใช้วิชาที่เรียนเข้าไปปจว อาจาร์ยดีกว่า ตามแนวทางที่ผู้เขียนถนัด (ไม่บอกว่าถนัดเรื่องใด ) ทำให้อาจาร์ยก็สดชื่น มีกำลังใจสอนต่อและใกล้เคียงเรื่องที่พวกเราควรเรียนรู้และสามารถนำไปใช้ได้ และเป็นการส่งสาร(สื่อสาร)อย่างหนึ่ง 

ช่วงบ่าย มีการแถลงผลงานกลุ่ม เสียดายเข้าห้องเรียนช้าไปหน่อย แต่ทันการนำเสนอของกลุ่มผู้เขียน มิเสียแรงที่นั่งประชุมระดมสมองมากกว่า 3 ชั่วโมง พวกเราเริ่มเห็นเค้าร่างของงานมากขึ้น

พี่แดง ขอบคุณที่ทักทาย และถามไถ่ว่าเป็นอย่างไร  สบายดีคะกำลังใจเข็มแข็ง


กว่าจะมาเป็น   แผนการรณรงค์พื้นที่เทศบาลนครรังสิต สถานการณ์น้ำ(!!!)จริงจริง

วันที่......ว่าด้วยการประชุมระดมสมอง สัมมาทิฎฐิ

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (19 มกราคม 2555) ว่าจะไม่เขียน บันทึก เพราะรู้ด้วยปํญญาญาน ว่าเพื่อนเพื่อนจะเริ่มเบื่อหน่าย ว่าเขียนทำไมนักหนา แต่การเขียนหนังสือก่อนนอนมันเป็นอาชีพเสียแล้ว เพื่อนเอ๋ย ถ้าไม่เขียนเรื่องกิจกรรมที่เจอมา ก็มักเขียนเรื่องท่องเที่ยว เรื่องธรรมะบ้าง เรื่องมนุษย์ต่างดาวบ้าง เรื่องมหัศจรรย์ของสิ่งที่ได้พบเจอ   ถ้ากระนั้น ก็ทนอ่านไปก่อน หรือไม่ก็เปิดผ่านไปซะ

เข้าเรื่องเรียนดีกว่า วันนี้สจว 110 ช่วงเช้าได้รับความรู้จาก อาจาร์ยธีรพงษ์ สุวรรณโณ บรรยายเรื่อง จิตวิทยากับการสร้างความเข็มแข็งของสังคมไทย ท่านมีความรู้เรื่องจิตวิทยาดีมาก บรรยายเกี่ยวกับจิตวิทยาไว้ได้ชัดแจ้ง สิ่งที่มีอิทธิพลสูงต่อเรามากคือ เราเชื่อว่าอย่างไร บางความเชื่อเป็นจริงและบางความเชื่อไม่เป็นจริง แต่เราก็จะเลือกสิ่งที่เราเชื่อ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะจริง หรือไม่จริง

จากความเชื่อ สู่ความคาดหวัง สร้างความจริง  อันนี้เป็นจริง ผู้เขียนประสพกับตนเอง ถ้าคุณเชื่อว่า และคาดหวัง สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง

ช่วงบ่าย แต่ละกลุ่มแยกกันระดมสมอง เพื่อทำแผนงานปฏิบัติการจิตวิทยาที่รังสิต สำหรับกลุ่มผู้เขียน เป็นเรื่องชุมชน เนื่องจากพวกเรามีภาระหน้าที่กันมาก จึงทำให้ต้องนั่งรอเพื่อนที่จะเข้ามาระดมสมอง เป็นชั่วโมง และเมื่อเพื่อนๆ เริ่มทยอยเข้ามา ก็เริ่มการระดมสมอง

การประชุมกับผู้คนที่มาจากวัฒนธรรมต่างกัน วิธีการคิด การถ่ายทอดความคิดต่างกัน ดูวุ่นวายสับสนน่าดู และค่อนข้างเครียด กว่าจะได้แต่ละหัวข้อ ทำให้นึกถึง

ท่านวชิระเมธี ท่านกล่าวว่า สัมมาทิฐิ ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า "right view" แปลว่ามีความเห็นชอบ 

ส่วนท่าน ติช นัท ฮันห์ ใช้คำว่า "right understanding"  แปลว่า มีความเข้าใจถูกต้อง นั้นคือเราจะทำสิ่งอะไร เราต้องรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เราทำเพื่ออะไร และ ต้องรู้จักตัวเองอย่างดีที่สุด จากนั้นก็ควรรู้ "สิ่ง"ที่เรากำลังทำ กำลังเข้าไปเกี่ยวข้อง มีความสำคัญอย่างไร เพราะเมื่อรู้ถูกต้อง ก็ทำถูกต้อง

ท่านวชิรเมธี กล่าวว่า โสเครตีสคือตัวอย่างของบุคคลที่เริ่มต้นทำทุกอย่างด้วย การ "สร้างสัมมาทิฎฐิ" ก่อนเสมอ โสเครติส จะเริ่มต้นด้วย"นิยาม" ความหมายของสิ่งที่ต้องการกล่าวถึง เพื่อไม่ให้การสนทนานั้นกลายเป็นเรื่องนอกประเด็น และต้องจับประเด็นให้ชัด ก็จะทำให้เราทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างชัดเจน ตรงประเด็น ตรงเรื่อง ตรงวัตถุประสงค์ ไม่เฉออกนอกเรื่อง นอกหน้าที่

ระหว่างประชุม มีอาจาร์ยเดินเข้าเดินออก หลายท่าน สีหน้าอาจาร์ยแต่ละท่านเรียบเฉย เดาไม่ออกว่าท่านคิดอย่างไร (ทำไมถึงอยากรู้ว่าท่านคิดอย่างไร) พวกเราเองบางท่านยังสับสน กับนิยามศัพท์ที่ อาจาร์ยสอน เจนคติ ความล่อแหลมของเป้าหมาย ความอ่อนไหวของเป้าหมาย  ประสิทธิภาพของเป้าหมาย และอีกหลายคำนิยาม แต่ก็สนุกดี เราระดมสมองกันจนเย็น  บอกได้คำเดียวว่า "การฟังและยอมรับความคิดเห็นผู้อื่นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีในกลุ่มประชุม" บางหัวข้อก็ถกแถลงกันนานมาก บางหัวข้อก็ถกไปนอกประเด็น ซะงั้น ข้อน่าสังเกตุ คือต้องให้เกียตริในความคิดของแต่ละบุคคล บรรยากาศการประชุมก็สำคัญ การประชุมของภาคเอกชน จะต่างจากทหารโดยสิ้นเชิง การแสดงความเห็น การให้ข้อสังเกต และการเลือกหัวข้อสำคัญ การตัดสินใจ จะเป็นอิสระมากกว่า

สำหรับวันนี้ก็ได้แอบเห็นท่าที่ ของแต่ละท่าน เครียด และเริ่มมีอาการเบื่อหน่าย เป็นประสพการณ์อีกรูปแบบหนึ่ง ได้เห็นท่าที่ของผู้ที่แสดงตนว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ภูมิปัญญาดี จะบอกว่าเป็นการประชุมที่หาข้อยุติได้ยากมากทีเดียว
วันพรุ่งนี้คงเห็นการแบ่งงานกันทำชัดเจน ใครทำอะไรที่ไหนอย่างไร แต่ละกิจกรรมมีเหตุผลอย่างไร ทำไมต้องทำ และกิจกรรมใดเป้นปจว กิจกรรมใดเป็นกิจกรรมเสริมเพื่อ สร้างแรงขับเคลื่อนในการปจว  ใครต้องรับผิดชอบงานใดคงชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อนทุกคนพร้อมทำงาน ลุยกันเถอะ

สจว110 พึงระลึกว่าเกียรติยศ ทรัพย์สิน ฐานะทางสังคม ไม่จีรังยั่งยืนกว่ามิตรภาพที่ดี

วันที่..........ลงเก็บข้อมูลที่รังสิต

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (17 มกราคม 2555) วันนี้พวกเราลงพื้นที่รังสิตเก็บข้อมูล เพื่อเตรียมทำงานรณรงค์ฟื้นฟูพื้นที่รังสิต พวกเราถูกแบ่งเป็นสองพวก คือชุมชน กับโรงเรียน ผู้เขียนอยู่กลุ่มชุมชน ก็คงต้องเขียนและเล่าเกี่ยวกับชุมชน  รถออกจากสจว ประมาณ  8.00 น


เริ่มขึ้นรถก็เริ่มฮา เพราะท่าน(ผู้พิพากษา) คุณเล็ก เธอเป็นเนวิเกเตอร์ ได้เนียนมาก จนเพื่อนบนรถฮาสนุก รวมทั้งคุณณะสมบัติ คนขับรถ(ชื่อสมบัติ) ก็พลอยสนุกกับเรา สำหรับรถต้องขอบคุณน้องธเนศ ที่อาสานำรถมาบริการพวกเรา ถึงเทศบาลรังสิต เทศบาลจัดเตรียมต้อนรับพวกเราที่ ห้องประชุม มีท่านนายกเทศมนตรีรังสิตมานำเสนอเรื่องราวและยุทธศาสตร์ของรังสิต รวมทั้งปัญหาที่เกิดน้ำท่วมครั้งนี้ นำเสนอได้ดี มองเห็นภาพ สรุปปัญหาที่น่าสนใจหลายประเด็น

ชีวิตกับความสะดวกสบาย ชาวรังสิตเสียชีวิตเพราะถูกไฟฟ้าช็อต ถึง 7 ราย 3 ราย รอดเพราะใกล้หมอ เมื่อไฟฟ้าทำการดับไฟ ชาวบ้านก็ร้องขอและบ่นว่าดับทำไม หรือเมื่อไฟฟ้าไม่มาตัดไฟชาวบ้านก็ว่าทำไมไม่มาตัดไฟอันตราย และเนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่เดินไฟโดยไม่มีการวางแผนแยกคัดเอาท์ไฟ เมื่อเกิดน้ำท่วมทำให้แยกสวิสท์ไม่ได้ สรุปเราควรจริงจังกับการวางแผนการใช้ไฟของแต่ละบ้านให้ถูกต้อง ให้มีวินัยของการใช้ไฟ ต้องใช้ระบบแยกส่วน ต้องรณรงค์เรื่องการเดินไฟให้ชัดเจน และแจ้งให้ทราบถึงการปฎิบัติอย่างไรกับไฟฟ้าเมื่อเกิดน้ำท่วม

น้ำขาด  ทั้งที่ประปาไม่มีการตัดน้ำ ชาวบ้านติดน้ำขวด ต้มน้ำกินเองไม่เป็น หรือไม่เชื่อมั่นในระบบน้ำปะปาจึงไม่กล้ากินน้ำปะปา

การอพยพ การเตือน การส่ง sms ถึงชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านไม่ค่อยเชื่อ เช่นกลุ่มวัยทำงานเป็นกลุ่มแรกที่อพยพออกมาจากพื้นที่ และกลุ่มสุดท้ายกับกลายเป็นคนแก่ คนพิการ และพบผู้ป่วยเรื้อรังเยอะมาก ทำให้การอพยพลำบากมากขึ้น

นอกจากนี้ยังให้ข้อสังเกตุว่าเราใช้ทรัพยากรและบริหารจัดการน้ำ สูญเสียเยอะมาก  การให้ข่าวสารข้อมูลที่สามารส่งถึงเป้าหมายคือประชาชนค่อนข้างลำบาก และการแปรความหมายข่าวสารที่ได้รับของประชาชนไม่แม่นยำ ต้องใช้ความระมัดระวังมากในการให้ข้อมูล

สุดท้ายคือเรื่องของขยะ ขยะเพิ่มขึ้นจากเดิม จากวันละ 150 ตัน เป็น 300 ตัน เพิ่มเป็นเท่าตัว

จากนั้นเราแยกย้ายกันลงพื้นที่ กลุ่มชุมชน รวมตัวกันที่ศาลาประชาคม ส่วนโรงเรียนรวมตัวกันที่โรงเรียน ทุกคนได้รับมอบหมายแบ่งกลุ่มเดินเพื่อลงเก็บพื้นที่ สำหรับชุมชน เราแบ่งพื้นที่ เป็น 6 กลุ่ม 6 ซอย ต้องขอบคุณน้องเชล์ของเรา ทำหน้าที่ลงพื่นที่และประสานงานกับชุมชนให้เราบางส่วนแล้ว จากนั้นพวกเราแยกย้ายกันทำงาน สำหรับผู้เขียน ซอย 4 เดินกัน 4 คน มีแนะและอี๊ด  พี่ใหญ่และผู้เขียน พวกเราตั้งใจเก็บข้อมูลจริงจริง เดินเกือบทุกซอย ผ่านในซอย 4 ชาวบ้านให้ความร่วมมือในการตอบแบบสอบถามมาก บางคนเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างอัดอั้น น่าสงสาร บางท่านก็บอกว่าทำใจได้ และเตรียมซื้อเรือและเครื่องเรือใหม่ บางคนต้องการให้หาอาชีพให้เขามาทำที่บ้าน ฟังแล้วใจหาย พวกเขาเล่าถึงความรู้สึกลำบาก เงินทุกบาทที่เขาหามาได้หมดไปกับการกั้นน้ำ เพราะเชื่อว่ามันจะกั้นน้ำได้อยู่ หลังน้ำท่วมไม่เหลืออะไรเลย เงิน 5,000 บาทที่รัฐชดเชยให้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

เจอคุณยายท่านหนึ่งท่านเล่าให้ฟังว่า สามีท่านเสียชีวิตขณะน้ำท่วม ผู้ที่ให้การช่วยเหลือท่านตลอดคือทหาร ระหว่างเล่าท่านมีสติกลั้นน้ำตา แต่แววตาท่านกลับมีความหวังเมื่อกล่าวขอบคุณทหารและยกย่องชมเชยทหารที่ให้การช่วยเหลือชุมชน แววตาท่านไม่แสดงความท้อแท้แม้ว่าคุณตาจะจากไป รู้สึกอบอุ่นใจในการช่วบเหลือของทหาร ผู้เขียนใช้ไอโฟนและบอกคุณยายว่าขออัดเสียงคุณยายพูดถึงทหารหน่อย คุณยายตั้งใจพูดชมเชยทหารเสียงดังมาก

การลงพื้นที่ในวันนี้ ทำให้ผู้เขียนได้ประสพการณ์ชีวิตเพิ่มขึ้นมาอีก มีความรู้สึกตลอดเวลาว่า คุณค่าของเงินมีมากเหลือเกิน สำหรับผู้ประสพภัย ทำให้รู้สึกว่าตัวเราเอง เพื่อนพ้องเราใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายหรือเปล่า บางบ้านไม่มีเงินจะรักษาลูกสาวที่เป็นไทรอย และการเข้าถึงข้อมูลของรัฐน้อยมาก

ข้อสังเกตุ ทุกบ้านบอกว่าได้คุยบ้างก็จะดี และยังไม่มีใครเคยเข้ามาสอบถามหรือพูดคุยกับพวกเขาเลย สจว 110 วันนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่ได้คุ้มค่าแล้วสำหรับวันนี้ การพูดคุย การรับฟังเรื่องราวความทุกข์ ผ่านความทุกข์ยากนั้นมาสู่คนแปลกหน้าซึ่งไม่ใช่ญาติพี่น้อง เป็นความเห็นอกเห็นใจ ส่งกลับไปยังชาวบ้านที่ประสพภัย ทำให้ทุกข์นั้นน้อยลง มองความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดาโลก วันนี้เราผ่องถ่ายความทุกข์นั้นมาแล้ว จากการสังเกตุรอยยิ้มบนใบหน้า การนำน้ำมาให้เรา การนำร่มมาให้เรากาง เรียกเราว่า ไอ้หนู อย่างเอ็นดู

หลังจากน้นเดิน กลับศาลาประชาคม โดยทางลัด นำโดยแนะและอี๊ด ระหว่างทางก็วัดระดับน้ำไปเรื่อย ถึงศาลาประชาคม ทุกกลุ่มกลับมาแล้ว เหลือกลุ่มเรากลุ่มเดียว ก็มีการวางแผนงาน ถกแถลงกันต่อ ตามหน้าที่ และบุคคลิกภาพของแต่ละคน ล้วนแล้วปรารถนาให้งานออกมาดี

สำหรับวันนี้ ขอเขียนขอบคุณน้องปอของเรา เป็นน้องที่น่ารักมาก ปอดูแลพวกเราตลอด แม้กระทั่งตอนพี่เดินไปเก็บข้อมูล ปอยังต้องทำหน้าที่เก็บขยะเก็บจาน เช็ดโต๊ะ ข้าวก็ทานยังไม่ทันหมดกล่อง ซอย 3 ไปหมดแล้ว ปอติดรถไปกลับซอย 4 บอกไปกับเราก็ได้ ก็ไม่ยอมด้วยเหตุผลคือต้องช่วยซอย 3 เราเพราะมีหน้าที่  อดทนมากสำหรับน้องปอของเรา

อยากบอกเพื่อน เพื่อนว่า งานวันนี้สำเร็จด้วยใจไปเกินครึ่งแล้ว


วันที่................วันไหว้ครูของสจว 110

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (16 มกราคม 2555) วันนี้พวกเราสดชื่นมากันแต่เช้า เตรียมกายใจ มาระลึกถึงพระคุณของคุณครูของเรา ครูของเรา (สจว 110) ท่านเป็นทหารทุกคน แต่เป็นทหารที่มีความเป็นครูจริงจริง ในหน้าที่ของทหารท่านเป็นแบบอย่างที่มีวินัย ระเบียบ อดทน รักษามารยาทตามแบบทหาร เคารพให้เกียตริกันตามหลัก
อาวุโส

ในบทบาทของความเป็นครูท่านสอนลูกศิษย์ (สจว 110) ด้วยความเมตตา กรุณา อดทนอดกลั้นกับลูกศิษย์ ครูของเราบางท่านอายุน้อยกว่าพวกเรา หรือบางทีอาจจะอายุใกล้เคียงไล่เรียงกับเรา  แต่พวกเราสจว 110 ให้ความเคารพท่านเหล่านั้นด้วยความจริงใจ ด้วยความรัก ความเคารพ แบบศิษย์พึงมีให้อาจาร์ย อันเนื่องมาจาก ความเป็นครูของพวกท่านเหล่านี้ ที่มีให้กับพวกเราสจว 110นั้นงดงามอย่างที่ยากจะบรรยาย ความรู้สึกได้ แต่รู้ว่าพวกเราสจว 110 รักและเคารพครูของเราทุกท่านมาก

ครู

ครูของเราไม่เคยหย่อนยานในหลักการของครู เพื่อจะได้ทำอะไรได้สะดวกขึ้น แม้ว่าครูจะทราบดีว่า สิทธิของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันไปในเหตุการณ์ที่ต่างกัน ท่านต้องใช้ความอดทน ที่ปรับให้ศิษย์อย่างพวกเรา สจว 110 ปฏิบัติตามแนวความคิดของสถาบัน คอยเอาใจใส่ คอยช่วยเหลือ เฝ้ามองอยู่ห่างห่าง ด้วยความรักและห่วงใย

ผู้เขียนเข้ามาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ แรกแรก จะอึดอัดมาก อันเนื่องมาจากพิธีการ และการปฎิบัติตัวเคร่งครัดแบบทหาร ที่สจว 110 ต้องอยู่ในระเบียบในกฏกติกา ในคณะเดียวกันสถาบันต้องการความคิดแบบการสร้างสรร การคิดนอกกรอบ เพื่อผสมผสานให้เกิดนวัตกรรมใหม่ใหม่ แต่ก็สามารถเรียนไปได้เนื่องจากมีครู(ทหาร) คอยให้คำแนะนำดูแลเกื้อกูลอย่างใกล้ชิด

เช้านี้ คนแรกของรุ่นที่เจอคือพี่อ๋อย เตรียมพวงมาลัยดอกมะลิ มาครบ 73 คนเพื่อให้เราได้ไหว้ครูของเรา แต่ที่ แปลกประหลาด คือ พี่พลของเรา ท่านประดิษฐ์ดอกกล้วยไม้สำหรับติดหน้าอกครูมาอย่างสวยงามทีเดียว ทำไมพี่พลต้องเลือกกล้วยไม้ด้วยต้องถามพี่พลนะ

ครู2

บรรยากาศ เริ่มด้วยการอ่านคำกลอนสดุดี ครูของเรา โดยอาจาร์ยแอ๋ว และประธานรุ่น ดอกเตอร์เอก นำสวดทำนองเสนาะ ขึ้นด้วย "ปัญญา วุฒิ..................................."  เพราะมาก แล้วเราก็ร้องเพลง พระคุณที่สาม จากนั้นนำพวงมาลัยเข้าไปกราบไหว้อาจารย์ และอวยพรให้ท่าน ครูของเราท่านปลื้มมากยิ้มแย้มแจ่มใส อย่างมีความสุข สุขใดจะเท่ามีลูกศิษย์สจว 110 ที่น่ารักอย่างพวกเรา


จากเชอรรี่


>>ความเป็นครู<<
ครู คือผู้ชี้ทางสร้างชีวิต ครูคือมิตรที่แท้จริงอิงแก่นสาร
ครูคือปราชญ์ผู้แผ้วผ่องก่องตระการ ครูคือมารดรบิดาผู้อารี

เพราะมีครูจึงมีคนที่พ้นทุกข์ เพราะมีครูจึงมีสุขเกษมศรี
เพราะมีครูจึงมีค่าน่ายินดี เพราะมีครูเราจึงมีชีวิตงาม

>>ว.วชิรเมธี
บรรยายแก่ครูโรงเรียนวิถีพุทธ กรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ค 
(วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๔)

กราบขอบพระคุณครูของสจว 110 ทุกท่าน



ความปิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด........สำหรับพี่สจว109

ป้ายกำกับ:


cats


วันนี้ (15 มกราคม 2555 วันอาทิตย์) อยากเขียนอะไร สักอย่างเพื่อขอบคุณรุ่นพี่ สจว 109 ที่ท่านตั้งใจจัดงานรับน้องให้พวกเรา สจว.110 ได้อย่างอลังการ และทราบซึ้งใจรุ๋นน้อง สจว 110  พวกเราทราบดีว่า การรวมตัวกันหลังจากเลิกเรียนไปแล้วค่อนข้างลำบาก เนื่องจากแต่ละท่านต้องมีภาระหน้าที่ มากมาย น้องน้องได้เห็นความพร้อมเพรียง ความตั้งใจของรุ่นพี่ การวางแผนงานที่กว่าจะมีวันนี้ได้ ตวามตั้งใจการจัดทำข้อมูลนำเสนองานทั้งวิชาการ  และข้อเสนอแนะมากมายที่ให้กับรุ่นน้อง     ซึ่งไม่น่าจะยากสำหรับรุ่นพี่สจว 109  แต่สิ่งที่แอบสังเกตุเห็น คือการนำเสนอเช่นไร จึงจะทำให้รุ่นน้องสจว110 ซึ่งมั่นใจในศักยภาพตนเอง  มองเห็นคุณค่า งานยิ่งใหญ่ที่พี่พี่ตั้งใจมอบให้ และสืบทอดปณิธารของรุ่นพี่ต่อรุ่นน้องส่งผ่านรุ่นต่อต่อไป ได้อย่างงดงามเหมือนที่รุ่นพี่ทำไว้ นี่สิยากกว่า

คำกล่าวที่ว่า ความสุขมีอยู่ทั่วไปในสิ่งต่าง ๆ ในความรัก ในการแบ่งปัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด มันอยู่ในความสงบของใจ เมื่อเรารู้ว่าเราได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำในสิ่งที่ดีงาม ยิ่งใหญ่ แบ่งปันให้กับน้อง ความสุขที่แท้จริงมาจากสิ่งซึ่งไม่อาจมีใครช่วงชิงไปจากเราได้

การที่รุ่นพี่สจว 109 ได้พยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำในสิ่งที่ดีงาม ยิ่งใหญ่ แบ่งปัน เป็นความปิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ไม่มีใครเอาไปจากพี่สจว 109 ได้ ความทรงจำนี้ตรึงใจแน่นในสจว 110

ขอบพระคุณจริงจริง และอยากให้ดังดัง ไปถึงใจชาวสจวทุกรุ่นคะ

ผู้เขียนเชื่อว่า

ความปิติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือการได้ทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน



สจว110 จะขอตอบแทนด้วยการสืบทอดสิ่งดีงามของพี่ส่งผ่านรุ่นน้องสจวสืบต่อไป

วันที่ ............ งานรับน้องของสจว 110 จัดโดย รุ่นพี่สจว 109

ป้ายกำกับ:


วันนี้ 12 มกราคม 2555  วันนี้พวกเราถูกกำหนดให้ทำงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า รวมกลุ่มระดมสมอง ทำงานตามที่อาจาร์ยมอบหมาย ในวิชาการปฏิบัติการจิตวิทยา โดยมีกรณีศึกษา  เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้  โดยแบ่งความรับผิดชอบเป็น 3 กลุ่ม และให้ดำเนินการวางแผนการปฎิบัติการจิตวิทยา   จากนั้นให้ทำการนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่ม

ทุกคนถูกดึงศักยภาพทางด้านความคิด ออกมาอย่างเต็มที่ โดยมีกรอบรูปแบบของแนวทางการปฏิบัติการจิตวิทยา ตามที่อาจาร์ยสอน ผู้เขียนมีโอกาสได้เห็นวิธีคิดที่หลากหลายของเพื่อนเพื่อน วิธีการสรุปแนวคิดของเพื่อนหลายหลายคน ตามแนววิธีกรอบการทำงานเดิมของแต่ละหน่วยงาน จากพื้นฐานข้อมูลด้วยวิธีคิดการทำงานเดิม  กว่าจะรวบรวมสังเคราะห์เป็นข้อมูลสุดท้าย เล่นเอาเหงื่อแตกทั้งกลุ่ม บางทีถกแถลงเหมือนจะเอาเป็นเอาตาย แต่พอได้ข้อมูลมาก็หัวเราะแจ่มใส

อย่างไรก็ตามผู้เขียนแอบแวบคิดไปถึง เครื่องมือคุณภาพ ที่ใช้สังเคราะห์ข้อมูล ถ้านักศึกษาทุกคนมีโอกาสได้เรียนรู้เครี่องมือคุณภาพในการสังเคราะห์ข้อมูล ในวิธีเดียวกัน รูปแบบเดียวกัน การสังเคราะห์ข้อมูลน่าจะง่าย และ ข้อมูลที่ได้อาจจะแม่นยำมากขึ้น

จากนั้นก็ นำเสนอ แต่ละกลุ่มแสดงศักยภาพของแต่ละกลุ่มอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังมีงง มึนมึนบ้างเพราะเป็นเรื่องไกลตัว (เรื่องใกล้ตัวคืองานประจำ) ทั้งห้องค่อนข้างเครียดเอาจริงเอาจัง กับปัญหาข้างหน้า แต่ก็จบลงด้วยดี พร้อมเตรียมทำงานของจริง ในการปฏิบัติการจิตวิทยา ที่รังสิต

ภาคบ่าย เริ่มกิจกรรมรับน้อง  โดยรุ่นพี่สจว 109 ชื่อนี้ตรึงใจตลอดไป


01

ก่อนกิจกรรมจริงเริ่ม รุ่นพี่ก็จะเล่าประสพการณ์ให้น้องน้องฟัง ว่าระหว่างเรียนรุ่นพี่บริหารทั้งการเรียน การทำกิจกรรม การวางแผนการเงินของรุ่น รวมทั้งการดูแลความเป็นอยู่ของรุ่นอย่างไรให้เพื่อนเพื่อนมีความสุขกินดีอยู่ดี อิ่มจังตังค์จ่ายน้อย  และงานวิชาการซึ่งต้องวางแผนให้เป็นงานวิชาการที่โดดเด่น เป็นผลงานของรุ่น และ สร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันจิตวิทยาความมั่นคงของเรา  ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรามาก สจวแต่ละรุ่นจะรักกันมาก และเครือข่ายของสจวแข็งมาก 

จากนั้นกดดันอีกนิด สำหรับงานวิชาการ สำหรับรุ่นพี่ สจว 109  โมเดลน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมีโอกาสทูลเกล้านำเสนอต่อ สมเด็จพระเทพรัตนสุดา ถือเป็นเกียรติประวัติ แก่สถาบันจิตวิทยาความมั่นคงมาก และคาดหวังว่าสจว 110 รุ่นน้องต้องทำโมเดลที่ดีขึ้นกว่า รุ่นพี่สจว 109

02 

นาทีระทึกเริ่มแล้ว รุ่นพี่ สจว109 จะรับน้องพวกเรายังไงเนี่ย ตื่นเต้น จะไม่ตื่นเต้นได้ไง สำหรับผู้เขียนกิจกรรมรับน้องผ่านมาตั้ง 30 กว่าปีแล้ว ไม่เคยเป็นน้องให้ใครรับเลย  ดูอาการพวกเราก็ 55555  พวกเราทุกคน ได้รับมาร์คสำหรับปิดตาคนละอัน ให้พวกเราใส่ปิดตาและเอามือเกาะหลังเพื่อนเดินตามกันเป็นแถว ระหว่างเดินทางก็ได้ยินเสียงเป็นลูกโป่งแตกบ้าง เสียงขัดสีอะไรสักอย่าง ด้านล่างก็นิ่มนิ่ม เดินบางทีก็เจอลูกโป่ง เป็นที่สนุกสนานของพี่พี่ แต่ใจหายใจคว่ำของรุ่นน้อง เดินได้สักระยะรุ่นพี่ ก็จัดแถว ให้พวกเรานั่งลง ห้องเงียบบรรยากาศเย็นสบาย

จากนั้นเสียงกล่อมทำนองเสนาะก็ดังขึ้น เมื่อเสียงจบลง ทุกคนถูกสั่งให้เปิดตา ขอขอบพระคุณรุ่นพี่ 109 จริงจริงและจากใจ ความผูกพัน ความเป็นพี่น้องแน่นแฟ้นมากขึ้น   จากภาพด้านหน้าที่ผู้เขียนเห็น   บายศรีอลังกาห์ สวยงามมากตั้งอยู่หน้าพวกเรา นักจัดทำบายศรีระดับชาติ ชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ บรรยากาศงานบายศรีสู่ขวัญ ขลังยิ่งหนัก เมื่อเริ่มพิธี ด้วยพลังใจ พลังความคิด และยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใด คือพลังความรักที่มีต่อสถาบันของรุ่นพี่ สจว 109  จากนั้นก็มีการผูกข้อมือโดยอาจารย์ของสถาบันจิตวิทยา เมื่อเสร็จพิธีจากงานบายศรีสู่ขวัญ ก็มาถึงงานเลี้ยง

05

งานเลี้ยงวันนี้ มีสจวรุ่นพี่หลายรุ่นมาร่วมงาน รุ่นสจว53 เป็นรุ่นอาวุโสที่สุด และมีอีกหลายรุ่นมากมาย เช่น 108 ,107, 106 อีกหลายรุ่นมาร่วมรับน้อง โดยมีสจว109 เป็นเจ้าภาพ ขอบอกว่าอลังการอีกแล้ว อาหาร เครื่องดื่ม จัดเต็ม จนรุ่นน้องเริ่มคิดว่า รับน้องรุ่น 111 จะทำได้ดีกว่านี้หรือเปล่า พวกเราสนุกสนานเสียงดังมากไปหน่อยทำเอารุ่นพี่ ตระหนกไปหมด แม้รุ่นพี่ร้องเพลงก็ยังไปช่วยร้อง อาจาร์ยร้องเพลงก็ยังคิดช่วยร้อง อยากกระซิบบอกสจว 110 ว่าเราจะมี Thank day หรือเปล่า หรือรุ่นพี่จะตกกะใจไม่กล้ามา เพราะน้องเสียงดังแถมรวมตัวแน่นเหลือเกิน ลืมไปว่าคืนนี้พี่สจว 109 ท่านเป็นเจ้าภาพ ท่านต้องแสดงบทบาทของท่านได้เต็มที่ แต่น้องสจว 110 เพิ่งเรียนปจว ผ่านไปแวบแวบ เลยปจวรุ่นพี่ รวมทั้งอาจาร์ยเสียเลยคืนนี้ ต้องขออภัยพี่พี่ทุกคนนะคะ แต่อยากจะบอกว่า น้องสจว110 อยากแสดงให้พี่เห็นว่า พวกเรารักรุ่นพี่สจว109คะ 

04

06

นอกจากนี้รุ่นพี่แต่ละรุ่นก็แสดงความีน้ำใจกับรุ่นน้อง ด้วยการมอบสิ่งของไว้สำหรับน้องน้องเพื่อใช้ในระหว่างการศึกษา ทั้งห้องอบอวลด้วยความรักระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้อง ด้วยการมอบกุหลาบให้กัน แอบเห็นผู้สังเกตุการณ์ มองพวกเราด้วยสายตางวยงง มันอะไรกันสจว 110 แปลงกายเป็นเด็กอายุ 14-15ปี  แต่เรียนให้ทราบพวกเราทำตามบทบาทหน้าที่ และด้วยความรักในหน้าที่จริงจริง ในห้องประชุมระดมสมองพวกเราจะเป็นพวกถกแถลง เอาจริงเอาจังกับการสังเคราะห์ข้อมูลและวางแผน แต่คืนนี้เรามีบทบาทเป็นน้องใหม่ ที่สดใส เฟรชชี่ ต้องแรง  งานรับน้องคืนนี้เป็นความทรงจำที่ดีของสจว 110

07

ขอบพระคุณรุ่นพี สจว109 และรุ่นพี่สจวทุกรุ่นคะ

วันที่ 10 ของสจว 110

ป้ายกำกับ:


วันนี้ (26  dec 2554) เช้านี้มากันแต่เช้า บางคนยังสโลโต๋เต๋ หลังจากไปฝึกลูกเสือ 5 วัน ยังสนุกไม่หาย เมาท์กระจายในห้องกาแฟ โดยเฉพาะ บูเบอรี่ชีสเค็ก อร่อยมาก นั่นแน่อยากกินอีกละสิ



ช่วงเช้าเป็นวิชาจิตวิทยาชุมชนกับการสร้างพลังเข้มแข็งในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  ท่านร.ศ.สุพรรณี อาจาร์ยจากนิด้า สอนจิตวิทยาชุมชนได้มันส์มาก เลือดนิด้าเข้มข้น ทำเอานักศึกษาของเราร้อนผ่าว ผู้เขียนก็พยายามปะติดปะต่อ ท่านเกริ่นนำ  เรื่องจิตวิทยา ว่าด้วยความเชื่อ ความคิด  และค่านิยม ซึ่งเป็นมิติหนึ่งมีผลต่อกระบวนการจิตวิทยา สุดท้ายผู้เขียนนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่อง กาลมสูตร

บ่ายงานลูกเสือกับการปฏิบัติการจิตวิทยา ทีมลูกเสือ รวมอายุกันแล้ว ก็ 700-  แต่ท่านก็ยังมาเพื่อบำเพ็ญประโยชน์ ภารกิจของท่าน ท่านเสียสละเวลา ความเหนื่อยของท่านขึ้นไปแนะนำความรู้และองค์กรของท่าน พวกเราคนไทยต้องรักษาความดีงามนี้ไว้ ต้องให้เกียตริท่านเป็นอย่างสูง เวลาที่แต่ละท่านขึ้นไปบรรยายและสอนพวกเรา จะได้ยินเสียงหายใจเหนื่อยหอบบ้างเล็กน้อย พูดช้าช้า  แต่ท่านมีความมุ่งมั่นมาก เสียสละเวลาส่วนตัว นักศึกษาควรอย่างยิ่งที่จะให้ความสนใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นคนละเวอร์ชั่นกับเรา นี่ละความเป็นไทยของเรา ถ้าไม่รักษาก็คงไม่มีหมู่ลูกเสือ ให้ลูกหลานเราได้ฝึกปรือ กาย จิต และใจ โดยเฉพาะ  การปลูกฝังค่านิยมความเป็นชาติไทย ความเป็นคนไทนที่ต้องรักใคร่สามัคคีกัน อภัยให้กัน 

วันนี้ผู้เขียนอยากจะบอกว่า วิชาที่สถาบันจัดให้วันนี้นั้นโดยตรงแล้วเป็นเรื่องการบำเพ็ยประโยชน์ แต่คุณค่า บทบาทของผู้ฟังที่ดี การให้เกียตริผู้มาบรรยาย เพื่อท่านจะได้มีกำลังใจในการทำงานของท่านต่อไปนั้นเป็นงานล้ำค่า ที่สอนให้เราอดทน ให้เกียตริผู้อื่น เป็นประสพการณ์ที่ดีที่สุดสำหรับวันนี้ โดยเฉพาะคณะวิทยากรลูกเสือ จากสโมสรลูกเสือศรีนครินทร์ เพราะแอบสังเกตุเห็นว่า งานคือความหมายของชีวิตของท่าน ทำให้ท่านวิทยากร ดำรงชีพอย่างมีคุณค่า มีความสุข และภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกเสือไทย

ครบ 10 วันสักที่ สจวเริ่มเลือนลาง เนื่องจากภาระกิจเยอะมาก